fbpx

รวมข้อควรรู้ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายการติดตั้งโซลาร์เซลล์

รวบรวมเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายการติดตั้งโซลาร์เซลล์และขั้นตอนการขออนุญาตติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ต้องปฏิบัติตาม
ศึกษาเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายการติดตั้งโซลาร์เซลล์

‘พลังงานแสงอาทิตย์’ หรือ ‘โซลาร์เซลล์’ เป็นพลังงานสะอาดและยั่งยืนที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศไทย เพราะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า อีกทั้งยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากโซลาร์เซลล์เป็นพลังงานสะอาดที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ซึ่งก็ใช่ว่าหากสนใจแล้วจะสามารถติดตั้งได้ทันทีตามต้องการ เพราะยังจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายการติดตั้งโซลาร์เซลล์และขั้นตอนการขออนุญาตติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง เพื่อให้การติดตั้งเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ป้องกันการถูกฟ้องร้อง หรือเกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง โดยได้รวบรวมเรื่องที่ควรรู้ไว้ในบทความนี้แล้ว

กฎหมายและการประสานงานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐ

การขอดำเนินการติดตั้ง

ในการจะติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ จะต้องยื่นขอต่อหน่วยงานส่วนท้องถิ่น อย่างเทศบาล หรือ อบต. ในเขตพื้นที่ เพื่อขอใบอนุญาตในการก่อสร้าง อ.1 หรือ IEAT 02/2 ในการก่อสร้าง รื้อถอนและทำการดัดแปลงโครงสร้างอาคารเสียก่อน แต่หากติดแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาขนาดพื้นที่ไม่เกิน 160 ตร.ม. และมีน้ำหนักรวมไม่เกิน 20 กก./ตร.ม. ไม่ถือว่าเป็นการดัดแปลงอาคาร จึงไม่ต้องขอใบอนุญาต แต่ต้องยื่นคำร้องเพื่อแจ้งให้ทราบ โดยต้องมีผลการตรวจสอบความแข็งแรงที่ได้รับการรับรองโดยวิศวกรโยธาตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 1 เดือนครึ่ง และหลังจากได้รับหนังสืออนุญาตแล้วจะสามารถเริ่มทำการติดตั้งได้ทันที

การยื่นคำขอและการอนุญาตการประกอบกิจการไฟฟ้า

สำหรับผู้ประกอบการ หรือองค์กรที่ต้องใช้กำลังไฟฟ้าในการผลิตติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ จะต้องดำเนินการเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) โดยเป็นไปตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยจะใช้เวลาดำเนินการในด้านเอกสารและการพิจารณาอนุญาตประมาณ 2 เดือน ซึ่งอาจมีข้อยกเว้น เช่น กิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ที่กำหนดขนาดกำลังการผลิตติดตั้งไม่เกิน 100 กิโลวัตต์ จะไม่ต้องดำเนินการในส่วนนี้

การแจ้งยกเว้นไม่ต้องขอรับใบอนุญาตการซื้อขาย

สำหรับผู้ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาเพื่อใช้ภายในอาคาร หรือกิจการซึ่งไม่ได้จำหน่ายเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้า สามารถยื่นเอกสารหลักฐานประกอบ สำหรับการแจ้งการประกอบกิจการพลังงานที่ได้รับการยกเว้นได้ทางออนไลน์ หรือสำนักงาน กกพ. ประจำเขตในแต่ละพื้นที่อาคารตั้งอยู่

การขออนุญาตเชื่อมต่อโครงข่าย

หลังจากดำเนินการติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องแจ้งการไฟฟ้าในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อให้เข้าตรวจสอบและทดสอบการเชื่อมต่อของระบบโซลาร์เซลล์กับไฟของการไฟฟ้า พร้อมชำระค่าใช้จ่ายตามที่การไฟฟ้ากำหนด

การติดตั้งระบบอินเวอร์เตอร์

ในการติดตั้งระบบอินเวอร์เตอร์ มีสิ่งที่อาจเกี่ยวข้องกับกฎหมายการติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ต้องพิจารณา คือ การตรวจสอบชุดอุปกรณ์ก่อนเสมอว่าได้รับการรับรองมาตรฐานจาก กฟภ. หรือ กฟน. หรือไม่ เนื่องจากอาจมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบชุดอุปกรณ์และทดสอบการทำงานของระบบเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบโซลาร์เซลล์ จึงควรดำเนินการเลือกและติดตั้งอินเวอร์เตอร์ให้ถูกต้องตามมาตรฐานและตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการโดนตรวจสอบภายหลัง

การติดตั้งตามมาตรฐานระบบหยุดทำงานฉุกเฉิน

ถึงแม้ระบบโซลาร์เซลล์จะได้รับการพัฒนาจนมีประสิทธิภาพในด้านการผลิตไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้ว แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ ทางกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน รวมถึงสภาวิศวกรแห่งประเทศไทยจึงมีการออกมาตรการในการติดตั้งมาตรฐานระบบหยุดทำงานฉุกเฉิน หรือระบบ Rapid Shutdown ตามมาตรฐาน วสท. 022013-22 เพื่อช่วยตัดการทำงาน ลดแรงดันไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดการขัดข้อง การติดตั้งระบบหยุดทำงานฉุกเฉินจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะสำหรับการติดตั้งโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ที่อาจมีการลุกลามได้ไวและอาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้
ปรึกษาขั้นตอนการติดตั้งโซลาร์เซลล์

ขั้นตอนการติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ควรรู้

ตรวจสอบพื้นที่อาคาร

การตรวจสอบพื้นที่ในการติดตั้งอาคารโซลาร์เซลล์ มีความสำคัญต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบโซลาร์เซลล์ โดยมีขั้นตอนการตรวจสอบพื้นที่อาคารโซลาร์เซลล์ทั่วไป ดังนี้

  • ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับอาคาร เช่น ประเภทของอาคาร ลักษณะของหลังคา สภาพของหลังคา
  • สำรวจพื้นที่อาคารจริง เพื่อตรวจสอบทิศทางและระดับความลาดเอียงของหลังคา สภาพของหลังคา การระบายน้ำ สิ่งกีดขวาง และพื้นที่ว่าง
  • วิเคราะห์ข้อมูลจากการสำรวจเพื่อประเมินความเหมาะสมในการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์

ออกแบบระบบโซลาร์เซลล์

การออกแบบระบบโซลาร์เซลล์ เป็นขั้นตอนสำคัญในการดำเนินการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ เพื่อให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ซึ่งควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

  • ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าเพื่อการใช้งานพลังงานโซลาร์อย่างเหมาะสมและคุ้มค่า
  • ทิศทางและระดับความลาดเอียงของหลังคา
  • ประเภทของแผงโซลาร์เซลล์
  • อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

โดย GreenYellow ให้การออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการปฎิบัติงานเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อให้สามารถใช้งานระบบได้อย่างสบายใจ ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง

เลือกซื้ออุปกรณ์โซลาร์เซลล์

นอกจากแผงโซลาร์เซลล์ ยังมีอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกซื้อสำหรับการติดตั้งอีกมากมาย เช่น

  • เครื่องแปลงไฟ หรืออินเวอร์เตอร์ ควรเลือกซื้อขนาดประมาณ 85% ของกำลังการติดตั้งของระบบโซลาร์เซลล์
    หรือหากต้องการติดโซลาร์เซลล์ On Grid แบบมีแบตเตอรี่เพื่อนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้งานในตอนกลางคืน ก็ต้องคำนึงถึงการเลือกซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ด้วย
  • แบตเตอรี่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับกักเก็บพลังงานโซลาร์เซลล์สำหรับไว้ใช้ในภายหลัง โดยควรเลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดความจุของแอมป์เพียงพอต่อการเก็บไฟฟ้าที่ได้จากแผงโซลาร์เซลล์ และที่ใช้ในตอนกลางคืน

ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ โดยช่างผู้ชำนาญการ

ในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย รวมถึงขั้นตอนในการติดตั้ง ควรได้รับการดูแลและดำเนินการโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์โดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถออกแบบ และดำเนินการติตตั้งได้ตามมาตรฐาน International Standards เพื่อเสริมความมั่นใจในการวางแผนและติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมถึงสามารถให้คำปรึกษาในขั้นตอนงานเอกสาร หรือการขออนุญาตได้อย่างถูกต้องไม่ต้องยุ่งยากกับการขออนุญาตติดตั้งโซลาร์เซลล์!

เพียงเลือก GreenYellow ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการผลิตไฟฟ้าจากระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ให้บริการดูแลโครงการโซลาร์เซลล์ผ่านโซลูชัน Solar PPA ในทุกๆขั้นตอนการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ตั้งแต่การลงทุน จนถึงการขออนุญาตติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อใช้งาน พร้อมการดูแลรักษาฟรีตลอดระยะเวลาสัญญา โดยไม่ต้องติดตั้งและดูแลระบบเอง หากสนใจสามารถติดต่อเพื่อรับคำปรึกษา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-079- 8081 หรืออีเมล gr*********@*********ow.com

ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึงหลักล้านง่ายๆ เพียงติดต่อเราวันนี้ ติดต่อเรา

บทความโดย

แชร์บทความนี้
Facebook
Twitter
LinkedIn
X
Pinterest
WhatsApp

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

นักธุรกิจถือไอคอนจำลองคาร์บอนเครดิต

คาร์บอนเครดิต กุญแจสำคัญสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดด้วยโซลาร์เซลล์

ท่ามกลางความตื่นตัวเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญขององค์กรและธุรกิจทั่วโลก ซึ่ง “คาร์บอนเครดิต” เป็นหนึ่งในกลไกที่น่าสนใจเพื่อขับเคลื่อนพลวัตทางเศรษฐกิจและสังคมให้เข้าใกล้เป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผนวกเข้ากับการติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” แหล่งพลังงานสะอาดที่พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างยั่งยืน เข้าใจคาร์บอนเครดิตและโอกาสทางธุรกิจ คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) คือ หน่วยวัดการลดหรือการหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (จำนวนคาร์บอนฟุตพรินต์) ในแต่ละปี โดย 1 คาร์บอนเครดิต เท่ากับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน (tCO2e) ซึ่งสามารถทำได้จากหลายมาตรการ เช่น

อ่านเพิ่มเติม
Climate Tech เทคโนโลยีด้านภูมิอากาศ สู่การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

รับมือกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ด้วย Climate Tech

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นหนึ่งในความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อเศรษฐกิจ สุขภาพ และคุณภาพชีวิตของประชากรทั่วโลก ปัจจุบันจึงมีแนวคิดและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อปัญหานี้ โดย Climate Tech กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง Climate Tech สร้างโอกาสในการพัฒนาที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม Climate Tech หรือ Climate Technology คือเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาพลังงานสะอาด สู่การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน นับเป็นส่วนสำคัญของการแก้ไขปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อม

อ่านเพิ่มเติม
ก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงาน (คาร์บอนฟุตพรินต์)

คาร์บอนฟุตพรินต์ : ความสำคัญและวิธีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ปัจจุบัน “คาร์บอนฟุตพรินต์” (Carbon Footprint) เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่องค์กรและธุรกิจทั่วโลกใช้ประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากรายงานของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน พบว่าในปี 2566 ประเทศไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 243.6 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี ซึ่ง 71% มาจากภาคพลังงานและการขนส่ง ดังนั้น การเข้าใจความหมาย ประเภท วิธีการคำนวณ และแนวทางการลดคาร์บอนฟุตพรินต์อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้องค์กรของคุณลดการสร้างคาร์บอนฟุตพรินต์ได้อย่างเหมาะสม คาร์บอนฟุตพรินต์คืออะไร ? คาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon

อ่านเพิ่มเติม

Free consultation