fbpx

การผสมผสานพลังงานทดแทนระหว่างพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานชีวมวล

พลังงานชีวมวล คือแหล่งพลังงานสะอาดที่ได้จากวัสดุธรรมชาติ เช่น เศษไม้ กากพืช โดยใช้ผลิตไฟฟ้า ความร้อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แหล่งพลังงานทดแทน
ชีวมวลเป็นแหล่งพลังงานได้อย่างไร ? ด้วยกระบวนการแปรรูปทางเคมี จากวัสดุธรรมชาติ

ตั้งแต่อดีตจวบจนมาถึงปัจจุบัน ทรัพยากรธรรมชาติต่างถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ตามมามากมาย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมโรงงาน การใช้พลังงานทดแทนจึงกลายมาเป็นทางออกที่มีความสำคัญในการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งนอกจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่เราต่างคุ้นหู ยังมีการใช้ “พลังงานชีวมวล” ที่สามารถใช้งานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แหล่งพลังงานทดแทนได้

พลังงานชีวมวล เป็นพลังงานประเภทใด กลายมาเป็นแหล่งพลังงานได้อย่างไร ?

พลังงานชีวมวล (Biomass Energy) คือแหล่งพลังงานทางเลือกที่ได้จากวัสดุธรรมชาติและผ่านการใช้งานจนเหลือเศษ เช่น เศษไม้ เศษพืช ขยะชีวภาพ นำมาผ่านกระบวนการแปรรูปทางเคมี ทั้งการใช้ความร้อนเพื่อเผาไหม้โดยตรง (Direct Combustion) การผลิตก๊าซชีวมวล (Gasification) และการผลิตน้ำมันจากชีวมวล (Bio-Oil) เพื่อให้ได้พลังงานในหลายรูปแบบ พลังงานชีวมวลจึงถือเป็นหนึ่งในพลังงานทดแทน (Renewable Energy) เนื่องจากสามารถผลิตได้จากวัสดุธรรมชาติที่มีอยู่และผ่านการแปรรูปจนเหลือทิ้ง โดยตัวอย่างเชื้อเพลิงชีวมวลที่ใช้ในประเทศไทย ได้แก่

  • แกลบและฟางข้าว
  • กากอ้อยและทะลายปาล์ม
  • เศษไม้และขี้เลื่อย​

การผสมผสานพลังงานทดแทน : นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน

การผสมผสานพลังงานทดแทน เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการจัดการพลังงาน โดยมีหลักการสำคัญคือ การใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานทดแทนที่มีความแตกต่างกันเพื่อให้ได้พลังงานอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ เช่น การผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวัน และสลับมาใช้พลังงานชีวมวลในเวลากลางคืน หรือช่วงที่มีความต้องการพลังงานสูง เพื่อให้ระบบพลังงานมีความต่อเนื่องและเสถียรภาพ โดยมีข้อดี ดังนี้

1. ลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล

การพึ่งพาพลังงานฟอสซิล เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศ การใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานชีวมวล จะสามารถช่วยลดความต้องการใช้ฟอสซิลในกระบวนการผลิตพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการพลังงาน

ระบบพลังงานผสมจากแหล่งพลังงานหลายประเภท ช่วยปรับสมดุลของการใช้พลังงานในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนแหล่งพลังงานให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น หรือลดลง อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนพลังงานในสถานการณ์ที่พลังงานจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ เช่น ในวันที่มีเมฆมากทำให้ประสิทธิภาพพลังงานแสงอาทิตย์ลดลง

3. ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การผลิตพลังงานจากฟอสซิลมักก่อให้เกิดของเสีย เช่น เถ้าถ่าน น้ำเสีย และก๊าซพิษ ในขณะที่พลังงานทดแทน เช่น ชีวมวล มีลักษณะเป็นการนำวัสดุธรรมชาติหรือของเสียกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งสามารถช่วยลดปริมาณขยะในชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซพิษ เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) การผสมผสานพลังงานทดแทนจึงไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

การลงทุนในพลังงานทดแทน กลยุทธ์สำหรับธุรกิจยุคใหม่

นอกเหนือจากความยั่งยืน การลงทุนในพลังงานทดแทนยังเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจในยุคปัจจุบัน เนื่องจากผู้ประกอบการสามารถเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ พร้อมทั้งสร้างผลกระทบเชิงบวกทางสังคมและสิ่งแวดล้อมได้พร้อมกัน

การลงทุนในนวัตกรรมประหยัดพลังงานที่หลากหลาย

1. ความคุ้มค่าทางการเงิน

หนึ่งในข้อได้เปรียบสำคัญของการลงทุนในพลังงานทดแทน คือการลดต้นทุนด้านพลังงานในระยะยาว เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ หรือการใช้พลังงานชีวมวลในโรงงาน 

2. แหล่งเงินทุนและสินเชื่อสีเขียว

การลงทุนในพลังงานทดแทนได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากธนาคารและสถาบันการเงิน ผ่านโครงการสินเชื่อสีเขียว หรือ Green Financing ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนที่มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมโครงการที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

3. ความเสี่ยงและผลตอบแทน

แม้หลายคนอาจมองว่าการลงทุนในพลังงานทดแทนจะมีความเสี่ยง เช่น การเปลี่ยนแปลงของนโยบาย หรือราคาวัตถุดิบ แต่ผลตอบแทนในระยะยาวที่จะได้กลับมา จะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดและความยั่งยืนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในด้านการลดต้นทุนพลังงาน อีกทั้งยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อธุรกิจ เป็นหนึ่งในองค์กรตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับผู้ประกอบการที่ผสานการดำเนินธุรกิจควบคู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการลงทุนในพลังงานที่หลากหลายร่วมกัน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล จะช่วยกระจายความเสี่ยง เมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงของทรัพยากรใดทรัพยากรหนึ่ง

การเข้าใจถึงความยืดหยุ่นในการใช้โซลูชันพลังงานทดแทนหลายประเภทพร้อมกัน จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น ขอแนะนำนวัตกรรมประหยัดพลังงาน จาก GreenYellow ที่มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน โดยเป็นผู้ให้บริการ Solar PPA อย่างครบวงจร พร้อมจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณมีตัวเลือกในการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าที่สุด โดยที่ไม่ต้องลงทุนเอง ติดต่อ GreenYellow วันนี้ เพื่อเริ่มต้นการประหยัดพลังงานที่เห็นผลจริงและคุ้มค่าในระยะยาว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ข้อมูลอ้างอิง:

คู่มือพลังงานชีวมวล. สืบค้นเมื่อ 23 ธันวาคม 2567 จาก http://www2.dede.go.th/kmmf/download/นวัตกรรม/สวค/คู่มือพลังงานชีวมวล.pdf

ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึงหลักล้านง่ายๆ เพียงติดต่อเราวันนี้ ติดต่อเรา

บทความโดย

แชร์บทความนี้
Facebook
Twitter
LinkedIn
X
Pinterest
WhatsApp

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

นักธุรกิจถือไอคอนจำลองคาร์บอนเครดิต

คาร์บอนเครดิต กุญแจสำคัญสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดด้วยโซลาร์เซลล์

ท่ามกลางความตื่นตัวเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญขององค์กรและธุรกิจทั่วโลก ซึ่ง “คาร์บอนเครดิต” เป็นหนึ่งในกลไกที่น่าสนใจเพื่อขับเคลื่อนพลวัตทางเศรษฐกิจและสังคมให้เข้าใกล้เป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผนวกเข้ากับการติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” แหล่งพลังงานสะอาดที่พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างยั่งยืน เข้าใจคาร์บอนเครดิตและโอกาสทางธุรกิจ คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) คือ หน่วยวัดการลดหรือการหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (จำนวนคาร์บอนฟุตพรินต์) ในแต่ละปี โดย 1 คาร์บอนเครดิต เท่ากับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน (tCO2e) ซึ่งสามารถทำได้จากหลายมาตรการ เช่น

อ่านเพิ่มเติม
Climate Tech เทคโนโลยีด้านภูมิอากาศ สู่การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

รับมือกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ด้วย Climate Tech

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นหนึ่งในความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อเศรษฐกิจ สุขภาพ และคุณภาพชีวิตของประชากรทั่วโลก ปัจจุบันจึงมีแนวคิดและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อปัญหานี้ โดย Climate Tech กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง Climate Tech สร้างโอกาสในการพัฒนาที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม Climate Tech หรือ Climate Technology คือเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาพลังงานสะอาด สู่การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน นับเป็นส่วนสำคัญของการแก้ไขปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อม

อ่านเพิ่มเติม
ก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงาน (คาร์บอนฟุตพรินต์)

คาร์บอนฟุตพรินต์ : ความสำคัญและวิธีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ปัจจุบัน “คาร์บอนฟุตพรินต์” (Carbon Footprint) เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่องค์กรและธุรกิจทั่วโลกใช้ประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากรายงานของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน พบว่าในปี 2566 ประเทศไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 243.6 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี ซึ่ง 71% มาจากภาคพลังงานและการขนส่ง ดังนั้น การเข้าใจความหมาย ประเภท วิธีการคำนวณ และแนวทางการลดคาร์บอนฟุตพรินต์อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้องค์กรของคุณลดการสร้างคาร์บอนฟุตพรินต์ได้อย่างเหมาะสม คาร์บอนฟุตพรินต์คืออะไร ? คาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon

อ่านเพิ่มเติม

Free consultation