fbpx

มิเตอร์ TOU และค่าไฟ On Peak – Off Peak ดีต่อธุรกิจจริงไหม ?

เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของมิเตอร์ TOU และค่าไฟแบบ On Peak - Off Peak สำหรับธุรกิจ พร้อมทางเลือกที่เหมาะสมกว่าในการประหยัดค่าไฟ
อัตราค่าไฟ On Peak และ Off Peak มีผลต่อต้นทุนโรงงานอุตสาหกรรม

สำหรับธุรกิจที่มีการใช้ไฟฟ้าในตอนกลางวันเป็นหลัก มักต้องแบกรับค่าไฟฟ้าที่สูง ทำให้ต้องมองหาแนวทางลดค่าใช้จ่ายนี้ ซึ่งทางเลือกเพื่อลดค่าไฟที่ได้รับความสนใจมากคือ มิเตอร์ TOU และค่าไฟแบบ On Peak – Off Peak นั่นเอง อย่างไรก็ตามวิธีนี้อาจไม่เหมาะกับทุกธุรกิจอย่างที่คิด

1. มิเตอร์ TOU คืออะไร ?

มิเตอร์ TOU หรือ Time of Use คือระบบการวัดปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่แบ่งตามช่วงเวลาของวัน ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของการผลิตไฟฟ้าในแต่ละช่วงเวลา ทำให้อัตราค่าไฟกลางวันและกลางคืน รวมถึงวันหยุดและวันธรรมดาแตกต่างกัน การทำงานของมิเตอร์ TOU ทำให้สามารถคิดค่าไฟฟ้าในอัตราที่แตกต่างกันได้ นอกจากนี้ ระบบยังช่วยส่งเสริมให้ผู้ใช้ไฟฟ้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่มีอัตราค่าไฟถูกกว่า ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาพรวม

2. เข้าใจอัตราค่าไฟ On Peak และ Off Peak

ในระบบมิเตอร์ TOU จะมีการแบ่งช่วงเวลาการคิดค่าไฟฟ้าเป็นสองช่วงหลัก ได้แก่ On Peak และ Off Peak

ช่วง On Peak

ช่วง On Peak เป็นช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในรอบวัน

ช่วง On Peak โดยเฉพาะในช่วงเวลาทำงานตั้งแต่ 09:00-22:00 น. โรงไฟฟ้าจำเป็นต้องเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเต็มกำลังเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและจ่ายไฟฟ้าสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น ผู้ใช้ไฟฟ้าจึงต้องจ่ายค่าไฟในอัตราที่สูงกว่าปกติในช่วงเวลานี้

ช่วง Off Peak

ช่วง Off Peak คือช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าน้อย

ช่วง Off Peak มักเป็นช่วงกลางคืนตั้งแต่ 22:00-09:00 น. ของวันถัดไป รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ทั้งวัน เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยรวมลดลง ทำให้โรงไฟฟ้าสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง ผู้ใช้ไฟฟ้าจึงได้รับประโยชน์จากอัตราค่าไฟที่ถูกกว่าในช่วงเวลานี้

3. การคิดค่าไฟแบบ On Peak – Off Peak เหมาะกับธุรกิจไหม เพราะอะไร ?

การคิดค่าไฟแบบ On Peak – Off Peak หรือระบบ TOU (Time of Use) นั้นไม่ได้เหมาะกับทุกธุรกิจ เนื่องจาก

ความไม่ยืดหยุ่นในการปรับเวลาการดำเนินงาน

ธุรกิจส่วนใหญ่มีข้อจำกัดในการปรับเปลี่ยนเวลาดำเนินงาน เนื่องจากต้องให้บริการในช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งมักตรงกับช่วง On Peak การย้ายเวลาทำงานไปอยู่ในช่วง Off Peak อาจส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้าและรายได้ของธุรกิจ นอกจากนี้ ธุรกิจบางประเภทยังมีข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับที่กำหนดเวลาทำงานไว้อย่างชัดเจน

ต้นทุนในการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน

การปรับเปลี่ยนตารางการผลิตหรือการให้บริการเพื่อให้สอดคล้องกับช่วง Off Peak นั้นมีต้นทุนที่สูง ธุรกิจอาจต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้พนักงาน เพิ่มค่าสวัสดิการ หรือลงทุนในระบบอัตโนมัติเพื่อลดการพึ่งพาแรงงานในช่วงกลางคืน ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจสูงกว่าเงินที่ประหยัดได้จากการใช้ไฟฟ้าในช่วง Off Peak

ผลกระทบต่อคุณภาพสินค้าหรือบริการ

การเปลี่ยนแปลงเวลาการผลิตอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยเฉพาะในกระบวนการผลิตที่ต้องการการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพราะการทำงานในช่วงกลางคืนอาจทำให้การตรวจสอบคุณภาพทำได้ยากขึ้น และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาด

มิเตอร์ TOU คำนวณค่าไฟเป็น 2 ระบบคือ On Peak และ Off Peak

4. หากต้องการลดค่าไฟธุรกิจ การติดตั้งโซลาร์เซลล์เป็นทางเลือกที่ดีกว่ามิเตอร์ TOU

มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน

เนื่องจากโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าในช่วงกลางวัน ซึ่งตรงกับเวลาทำงานของธุรกิจส่วนใหญ่ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนเวลาการดำเนินงานของธุรกิจ

ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน

ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน สามารถติดตั้งและใช้งานได้โดยไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจปกติ ไม่ต้องลงทุนในระบบจัดการพลังงานที่ซับซ้อน

การประหยัดค่าไฟฟ้าที่แน่นอนและคาดการณ์ได้

การประหยัดค่าไฟฟ้าที่แน่นอนและคาดการณ์ได้ ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากระบบโครงข่ายโดยตรง โดยเฉพาะในช่วง On Peak ที่ค่าไฟแพง สามารถคำนวณผลประหยัดและระยะเวลาคืนทุนได้ชัดเจน

ป้องกันความเสี่ยงจากการปรับขึ้นของค่าไฟฟ้าในอนาคต

โซลาร์เซลล์ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการปรับขึ้นของอัตราค่าไฟฟ้าในอนาคต ตลอดจนมีอายุการใช้งานยาวนาน จึงให้ผลประหยัดในระยะยาว

สร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

โซลาร์เซลล์ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กรด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม แสดงถึงความใส่ใจต่อชุมชน สังคม และระบบนิเวศ สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาแนวทางลดค่าไฟสำหรับธุรกิจและโรงงานต่าง ๆ การติดตั้งโซลาร์เซลล์คือทางเลือกที่เหมาะสม หากสนใจสามารถปรึกษาได้ที่ GreenYellow บริษัทติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ช่วยให้คุณสามารถติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานสะอาดดังกล่าวได้โดยไม่ต้องลงทุนเอง เราดูแลให้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การสำรวจ วิเคราะห์ ออกแบบ ขออนุญาติ ติดตั้ง ไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลรักษา และสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างเป็นรูปธรรม ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาฟรี !

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. รู้หรือไม่ TOU วางแผนก่อนใช้ไฟฟ้า ตามช่วงเวลาที่ถูกต้อง ลดค่าไฟฟ้าได้จริง. สืบค้นเมื่อ 6 ธันวาคม 2567 จาก https://www.mea.or.th/public-relations/press-media/infographics/45jty6mEV
  2. ถ้าคุณใช้ไฟแบบนี้ หันมาใช้มิเตอร์ TOU ดีกว่า!!. สืบค้นเมื่อ 6 ธันวาคม 2567 จาก https://www.mea.or.th/public-relations/press-media/infographics/mRnXwXIPL
ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึงหลักล้านง่ายๆ เพียงติดต่อเราวันนี้ ติดต่อเรา

บทความโดย

แชร์บทความนี้
Facebook
Twitter
LinkedIn
X
Pinterest
WhatsApp

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

นักธุรกิจถือไอคอนจำลองคาร์บอนเครดิต

คาร์บอนเครดิต กุญแจสำคัญสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดด้วยโซลาร์เซลล์

ท่ามกลางความตื่นตัวเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญขององค์กรและธุรกิจทั่วโลก ซึ่ง “คาร์บอนเครดิต” เป็นหนึ่งในกลไกที่น่าสนใจเพื่อขับเคลื่อนพลวัตทางเศรษฐกิจและสังคมให้เข้าใกล้เป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผนวกเข้ากับการติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” แหล่งพลังงานสะอาดที่พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างยั่งยืน เข้าใจคาร์บอนเครดิตและโอกาสทางธุรกิจ คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) คือ หน่วยวัดการลดหรือการหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (จำนวนคาร์บอนฟุตพรินต์) ในแต่ละปี โดย 1 คาร์บอนเครดิต เท่ากับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน (tCO2e) ซึ่งสามารถทำได้จากหลายมาตรการ เช่น

อ่านเพิ่มเติม
Climate Tech เทคโนโลยีด้านภูมิอากาศ สู่การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

รับมือกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ด้วย Climate Tech

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นหนึ่งในความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อเศรษฐกิจ สุขภาพ และคุณภาพชีวิตของประชากรทั่วโลก ปัจจุบันจึงมีแนวคิดและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อปัญหานี้ โดย Climate Tech กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง Climate Tech สร้างโอกาสในการพัฒนาที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม Climate Tech หรือ Climate Technology คือเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาพลังงานสะอาด สู่การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน นับเป็นส่วนสำคัญของการแก้ไขปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อม

อ่านเพิ่มเติม
ก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงาน (คาร์บอนฟุตพรินต์)

คาร์บอนฟุตพรินต์ : ความสำคัญและวิธีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ปัจจุบัน “คาร์บอนฟุตพรินต์” (Carbon Footprint) เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่องค์กรและธุรกิจทั่วโลกใช้ประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากรายงานของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน พบว่าในปี 2566 ประเทศไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 243.6 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี ซึ่ง 71% มาจากภาคพลังงานและการขนส่ง ดังนั้น การเข้าใจความหมาย ประเภท วิธีการคำนวณ และแนวทางการลดคาร์บอนฟุตพรินต์อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้องค์กรของคุณลดการสร้างคาร์บอนฟุตพรินต์ได้อย่างเหมาะสม คาร์บอนฟุตพรินต์คืออะไร ? คาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon

อ่านเพิ่มเติม

Free consultation