ท่ามกลางความตื่นตัวเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญขององค์กรและธุรกิจทั่วโลก ซึ่ง “คาร์บอนเครดิต” เป็นหนึ่งในกลไกที่น่าสนใจเพื่อขับเคลื่อนพลวัตทางเศรษฐกิจและสังคมให้เข้าใกล้เป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผนวกเข้ากับการติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” แหล่งพลังงานสะอาดที่พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างยั่งยืน
เข้าใจคาร์บอนเครดิตและโอกาสทางธุรกิจ
คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) คือ หน่วยวัดการลดหรือการหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (จำนวนคาร์บอนฟุตพรินต์) ในแต่ละปี โดย 1 คาร์บอนเครดิต เท่ากับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน (tCO2e) ซึ่งสามารถทำได้จากหลายมาตรการ เช่น การใช้พลังงานสะอาดจากโซลาร์เซลล์ การปลูกป่า และการลดการปล่อยก๊าซจากภาคอุตสาหกรรม โดยสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้ในตลาดคาร์บอน
กลไกการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
ตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตมี 2 รูปแบบหลัก คือ
- ตลาดภาคบังคับ (Compliance Market) : เป็นตลาดที่เกิดขึ้นจากข้อบังคับทางกฎหมายที่กำหนดให้องค์กรต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ตามเป้าหมาย หากทำไม่ได้ต้องซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชย
- ตลาดภาคสมัครใจ (Voluntary Market) : เป็นตลาดที่องค์กรเข้าร่วมโดยสมัครใจเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งแม้จะไม่มีข้อบังคับทางกฎหมาย แต่ก็มีแรงกดดันจากผู้บริโภค นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
แนวโน้มตลาดคาร์บอนในประเทศไทย
ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2065 ส่งผลให้ภาครัฐมีการผลักดันนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการพัฒนาตลาดคาร์บอนในประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
โอกาสสำหรับภาคธุรกิจ
สำหรับภาคธุรกิจ การใช้พลังงานสะอาด เช่น โซลาร์เซลล์เป็นโอกาสที่ดีในการลดต้นทุนด้านพลังงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรในด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
หากสงสัยว่าคาร์บอนเครดิตทำยังไง และต้องการเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด ธุรกิจสามารถเริ่มต้นได้โดยศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่ติดตั้ง เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม และร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานจะมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม
โซลาร์เซลล์ : เพื่อคาร์บอนเครดิตที่มีประสิทธิภาพ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั่วโลกได้หันมาใช้พลังงานสะอาดกันมากขึ้น โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนการผลิตไฟฟ้า ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานฟอสซิลได้ ประกอบกับนวัตกรรมการผลิตโซลาร์เซลล์ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด สามารถผลิตไฟฟ้าได้จำนวนที่พอเพียงต่อความต้องการ
ประโยชน์ของการใช้โซลาร์เซลล์ในการลดคาร์บอน
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง : ทุก ๆ หน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซลาร์เซลล์จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิล
- ผลิตพลังงานสะอาดได้อย่างต่อเนื่อง : ระบบโซลาร์เซลล์สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ตลอดอายุการใช้งาน 25-30 ปี ทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
- เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล : โซลาร์เซลล์เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้คาร์บอนเครดิตที่เกิดจากโครงการโซลาร์เซลล์ได้รับการยอมรับในตลาดคาร์บอนทั่วโลก
การคำนวณคาร์บอนเครดิตจากระบบโซลาร์เซลล์
การคำนวณคาร์บอนเครดิตจากโซลาร์เซลล์จะพิจารณาจากปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้และปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลง โดยทั่วไปจะใช้หน่วย “ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า” (tCO2e) เป็นมาตรฐานในการคำนวณ
ตัวอย่างการคำนวณคาร์บอนเครดิตจากระบบโซลาร์เซลล์ 1 MWp :
- กำลังการผลิตระบบ : 1 MWp
- พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ต่อปี : 1.45 GWh/ปี หรือ 1,450,000 kWh/ปี
- ค่า Emission Factor อยู่ที่ประมาณ 0.5048 kgCO2e/kWh*
GHG emissions = Activity Data x Emission Factor
=1,450,000 kWh x 0.5048 kgCO2e/kWh
=731,960 kgCO2e หรือ 732 tCO2e ต่อปี
ดังนั้น ระบบโซลาร์เซลล์ขนาด 1 MWp สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 732 ตันต่อปี
*ค่า Emission Factor อาจแตกต่างกันตามปีและแหล่งพลังงานของประเทศไทย ควรอ้างอิงข้อมูลล่าสุดจาก CFO หรือ Thai Carbon Label
ผลตอบแทนจากการลงทุน
การลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อขอรับรองคาร์บอนเครดิต ให้ผลตอบแทนในหลายด้าน ได้แก่
- การประหยัดค่าไฟฟ้า : การผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ช่วยลดต้นทุนไฟฟ้าสำหรับธุรกิจ
- การส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน : ช่วยให้ภาคเอกชนมีทางเลือกในการใช้พลังงานสะอาด ลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล และช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- การเพิ่มมูลค่าขององค์กร : การใช้พลังงานสะอาดช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรในด้านความยั่งยืน

ขั้นตอนการขอรับรองคาร์บอนเครดิตจากโซลาร์เซลล์
การขอรับรองคาร์บอนเครดิตจากโซลาร์เซลล์ เป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและได้มาตรฐาน โดยมีขั้นตอนสำคัญดังต่อไปนี้
1. การประเมินศักยภาพโครงการ
ศึกษาและวิเคราะห์กำลังการผลิตไฟฟ้าจากระบบโซลาร์เซลล์ โดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ขนาดพื้นที่ติดตั้ง ปริมาณแสงอาทิตย์ในพื้นที่ และปริมาณการใช้ไฟฟ้าขององค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าระบบสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. การขึ้นทะเบียนโครงการเพื่อขอ I-REC
ดำเนินการลงทะเบียนโครงการกับหน่วยงานที่รับรอง I-REC โดยต้องจัดเตรียมเอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น รายละเอียดระบบผลิตไฟฟ้า ใบอนุญาตต่าง ๆ และการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
3. การติดตามและรายงานการผลิตไฟฟ้า
ติดตั้งระบบตรวจวัดและบันทึกข้อมูลการผลิตไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน พร้อมจัดทำรายงานการผลิตไฟฟ้าตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอรับรอง I-REC
4. การขอรับรอง I-REC และการนำไปใช้
ยื่นข้อมูลการผลิตไฟฟ้าเพื่อขอรับใบรับรอง I-REC จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นสามารถนำ I-REC ไปใช้แสดงการใช้พลังงานหมุนเวียนขององค์กร หรือจำหน่ายให้แก่องค์กรอื่นที่ต้องการได้
โดย GreenYellow พร้อมช่วยเหลือลูกค้าในการเป็นเจ้าของใบรับรอง I-REC อย่างถูกต้อง เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ที่พร้อมให้คำปรึกษาและให้ความช่วยเหลือในการขอใบรับรองทุกขั้นตอน ตลอดจนกระบวนการโอน-แลก I-REC เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้พลังงานสะอาดจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนอย่างยั่งยืน
การเตรียมความพร้อมสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ
องค์กรที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก้าวสู่แนวทางธุรกิจคาร์บอนต่ำ จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในหลายด้าน เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยมีแนวทางดังนี้
1. การประเมินความเหมาะสมขององค์กร
วิเคราะห์ความพร้อมของธุรกิจในการปรับใช้พลังงานสะอาด โดยพิจารณาปัจจัยสำคัญ เช่น ขนาดกิจการ ความต้องการพลังงาน และแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งในปัจจุบันมีมาตรการที่อำนวยความสะดวกให้แก่อุตสาหกรรมหรือผู้ประกอบการที่ต้องการใช้โซลาร์เซลล์ โดยจะมีพาร์ตเนอร์เป็นผู้ลงทุนให้ผ่าน Solar PPA (Power Purchase Agreement) ซึ่งครอบคลุมไปถึงการสำรวจ ออกแบบ ติดตั้ง ขออนุญาต และบำรุงรักษาตลอดอายุสัญญา
2. การกำหนดแนวทางการใช้พลังงานสะอาด
วางแผนกลยุทธ์ในการใช้พลังงานหมุนเวียนให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน หรือการนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้
3. การเลือกพาร์ตเนอร์ที่เหมาะสม
เลือกพาร์ตเนอร์ที่เชี่ยวชาญด้านโซลาร์เซลล์และคาร์บอนเครดิต เช่น GreenYellow เพื่อให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในกระบวนการขอใบรับรอง I-REC อย่างถูกต้อง
4. การบริหารจัดการระยะยาว
วางแผนติดตามและดูแลระบบพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง โดยใช้การมอนิเตอร์แบบเรียลไทม์และการบำรุงรักษาระบบทั้งเชิงป้องกันและดูแลในระยะยาว ซึ่งหากมีการทำข้อตกลง Solar PPA พาร์ตเนอร์จะเป็นผู้จัดการให้ทั้งหมด เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาทางเทคนิคและรักษาประสิทธิภาพของระบบให้ยั่งยืน
การลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ไม่เพียงช่วยลดค่าไฟฟ้า แต่ยังเป็นแนวทางสำคัญในการใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมความยั่งยืนให้แก่องค์กร GreenYellow พร้อมเป็นพันธมิตรที่เชี่ยวชาญพร้อมลงทุน ให้คำปรึกษาตั้งแต่การสำรวจ ออกแบบ ขออนุญาต ติดตั้งโซลาร์เซลล์ และดูแลบำรุงรักษา ไปจนถึงการขอรับรองคาร์บอนเครดิต เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งเพื่อคุณ และเพื่อโลก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ 02-079-8081
LINE ID: @greenyellowth
E-mail * gr*********@*********ow.com
ข้อมูลอ้างอิง:
1.ลดโลกร้อนด้วย Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions. สืบค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2568 จาก https://www.onep.go.th/ลดโลกร้อนด้วย-carbon-neutrality-และ-net-zero-emissions/
2.คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) แนวทางสู่การลดโลกร้อน พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืน. สืบค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2568 จาก https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/1821
3.ทำความเข้าใจตลาด Carbon Credit การซื้อขาย และตัวอย่างการคำนวณ. สืบค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2568 จาก https://www.dittothailand.com/th/dittonews/carbon-credit-market/